รายงานการบังคับใช้หลักเกณฑ์ชุมชน

1 กรกฎาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563
เผยแพร่: 24 กุมภาพันธ์ 2564

เกี่ยวกับรายงานฉบับนี้

TikTok เป็นชุมชนระดับโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและขับเคลื่อนด้วยการแสดงออกที่สร้างสรรค์ เราจึงมุ่งมั่นรักษาสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยและมีความมั่นใจที่จะสร้างสรรค์วิดีโอ, ค้นพบสังคมใหม่ และได้รับความบันเทิง เราเชื่อว่าความรู้สึกปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจที่จะแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง จึงเป็นเหตุผลที่เราพยายามรักษาแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนของเราด้วยการลบบัญชีผู้ใช้งานและคอนเทนต์ที่ละเมิดหลักเกณฑ์ออกไปตามจุดประสงค์ของเราที่ต้องการให้ TikTok ยังคงเป็นสถานที่สำหรับแรงบันดาลใจ, ความคิดสร้างสรรค์ และความสุข

เรามุ่งมั่นที่จะเปิดเผยวิธีการบังคับใช้นโยบายของเราอย่างโปร่งใส เพราะจะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับชุมชนและแสดงออกถึงความรับผิดชอบของเรา โดยเรานำเสนอรายงานความโปร่งใสเพื่อให้ทราบถึงปริมาณและลักษณะของคอนเทนต์ที่ถูกลบออกเนื่องจากเป็นการละเมิดแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนหรือข้อกำหนดในการให้บริการของเรา

ข้อมูลล่าสุด

วิดีโอ

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 (1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม) มีวิดีโอ 89,132,938 รายการถูกลบทั่วโลกเนื่องจากมีการละเมิดแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนหรือข้อกำหนดในการให้บริการของเรา ซึ่งถือว่าน้อยกว่า 1% ของวิดีโอทั้งหมดที่ถูกอัปโหลดไว้บน TikTok โดยเราได้ตรวจจับและลบ 92.4% ของวิดีโอเหล่านั้นก่อนที่ผู้ใช้งานจะรายงานวิดีโอนั้น, 83.3% ของวิดีโอเหล่านั้นถูกลบออกก่อนที่จะได้รับการเข้าชมใด ๆ และ 93.5% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์ ตารางด้านล่างนี้แสดงตลาดที่มีจำนวนวิดีโอที่ถูกลบมากที่สุด 5 แห่ง

เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เราจึงยังคงพึ่งพาเทคโนโลยีในการตรวจจับและลบคอนเทนต์ที่ละเมิดหลักเกณฑ์โดยอัตโนมัติในบางตลาด เช่น บราซิลและปากีสถาน จากวิดีโอทั้งหมดที่ถูกลบออกไป มี 8,295,164 รายการที่ถูกตรวจจับและลบออกโดยอัตโนมัติเนื่องจากละเมิดแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนของเรา วิดีโอเหล่านั้นไม่รวมอยู่ในผลที่แสดงในแผนภูมิหรือตารางด้านล่างนี้

TikTok เปิดให้ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์สามารถอุทธรณ์วิดีโอของตนที่ถูกลบได้ เมื่อเราได้รับการอุทธรณ์ เราจะตรวจสอบวิดีโอนั้นเป็นครั้งที่สองและจะคืนสถานะให้หากพบว่าไม่ได้มีการละเมิดนโยบายของเรา โดยในครึ่งปีหลังที่ผ่านมาเราได้คืนสถานะให้วิดีโอ 2,927,391 รายการหลังจากที่ได้รับการอุทธรณ์

แผนภูมิต่อไปนี้แสดงจำนวนวิดีโอที่ถูกลบออกไปเนื่องจากมีการละเมิดนโยบาย โดยวิดีโอรายการหนึ่งอาจละเมิดนโยบายหลายข้อและการละเมิดแต่ละกรณีได้ถูกแสดงไว้ในแผนภูมินี้

ตารางต่อไปนี้แสดงอัตราการลบวิดีโอออกในเชิงรุกด้วยเหตุผลด้านนโยบายโดยทีมคัดกรองของเรา การลบวิดีโอออกในเชิงรุก หมายถึง การตรวจจับและลบวิดีโอก่อนที่จะถูกรายงาน การลบออกภายใน 24 ชั่วโมง หมายถึง การลบวิดีโอออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์บนแพลตฟอร์มของเรา ทั้งนี้ จำนวนที่ระบุเหล่านี้น้อยกว่าความเป็นจริงเนื่องจากไม่รวมวิดีโอที่ถูกลบออกไปโดยอัตโนมัติผ่านการใช้เทคโนโลยี

การเปลือยกายและพฤติกรรมทางเพศในผู้ใหญ่
เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและปลอดภัย เราจึงลบภาพเปลือยกายและคอนเทนต์ทางเพศที่โจ่งแจ้ง โดยพบว่า 20.5% ของวิดีโอที่ถูกลบออกไปละเมิดนโยบายนี้ ลดลงจาก 30.9% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งสาเหตุของการลดลงนี้เป็นผลมาจากการปรับปรุงระบบการคัดแยกของเราที่แยกการเปลือยกายในผู้ใหญ่ออกจากการเปลือยกายในผู้เยาว์ เราได้ลบ 88.3% ของวิดีโอเหล่านี้ออกไปก่อนที่จะมีการรายงานถึงเรา และ 90.6% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์

การคุกคามและการข่มเหงรังแก
เราเชื่อมั่นในชุมชนที่ครอบคลุมและการแสดงออกรายบุคคลโดยไม่ต้องกลัวการถูกเหยียดหยาม และไม่ยอมให้สมาชิกในชุมชนของเราถูกทำให้อับอาย, ถูกข่มเหงรังแก หรือถูกคุกคาม โดย 6.6% ของวิดีโอที่เราลบออกไปมีการละเมิดนโยบายนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.5% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามทางเพศ, การข่มขู่, การแฮ็ก และเหยื่อของข้อความข่มเหงรังแกซึ่งขณะนี้มีความครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังเห็นการพัฒนาขึ้นเล็กน้อยในความสามารถของเราในการตรวจจับการคุกคามหรือการข่มเหงรังแกในเชิงรุก ซึ่งยังคงมีความท้าทายด้วยความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรม โดย 66.5% ของวิดีโอเหล่านี้ถูกลบออกไปก่อนที่จะมีการรายงานถึงเราและ 84.1% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์ เรามุ่งมั่นที่จะลดความต่างนี้และจะแจ้งให้ชุมชนของเราได้รับทราบเมื่อเรามีการพัฒนาในด้านนี้

พฤติกรรมแสดงความเกลียดชัง
TikTok เป็นชุมชนที่หลากหลายและครอบคลุมซึ่งไม่ยอมรับพฤติกรรมแสดงความเกลียดชัง ในปีที่ผ่านมาเราเปลี่ยนนโยบายนี้จาก “วาทกรรมสร้างความเกลียดชัง” เป็นชื่อปัจจุบัน “พฤติกรรมแสดงความเกลียดชัง” เพื่อเพิ่มการครอบคลุมการรับมือกับอุดมการณ์ที่แสดงความเกลียดชังและกิจกรรมนอกแพลตฟอร์ม ด้วยเหตุนี้ 2% ของวิดีโอที่เราลบออกไปมีการละเมิดนโยบายนี้ เพิ่มขึ้นจาก 0.8% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ทั้งนี้ เรามีระบบตรวจจับสัญลักษณ์แสดงความเกลียดชัง เช่น ธงและรูป แต่วาทกรรมสร้างความเกลียดชังยังคงเป็นความท้าทายในการตรวจจับเชิงรุก และเรายังคงทำการลงทุนเพื่อปรับปรุงตรงส่วนนี้ เราได้ลบ 72.9% ของวิดีโอแสดงความเกลียดชังออกไปก่อนที่จะมีการรายงานถึงเราแม้ว่า 83.5% จะถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์

กิจกรรมผิดกฎหมายและสินค้าควบคุม
เราดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่า TikTok ไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือข้อบังคับ เช่น การฉ้อโกง หรือ คอนเทนต์หลอกลวง โดย 17.9% ของวิดีโอที่เราลบออกไปมีการละเมิดนโยบายนี้ จัดเป็นอัตราส่วนที่ลดลงเล็กน้อยจาก 19.6% ในครึ่งปีแรกของปี 2563 เราคิดว่าสาเหตุของผลที่ดีขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับระบบอัตโนมัติและระบบตรวจจับของเราตลอดจนสายงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย 96.3% ของวิดีโอเหล่านี้ถูกลบออกไปก่อนที่จะถูกรายงานและ 94.8% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์

ความซื่อสัตย์และความจริงแท้
เราเชื่อมั่นว่าความไว้วางใจเป็นรากฐานของชุมชนของเราและเราไม่อนุญาตให้มีคอนเทนต์หรือบัญชีผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงการมีส่วนร่วม, การแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น และข้อมูลเท็จ โดย 2.4% ของวิดีโอที่ถูกลบออกไปมีการละเมิดนโยบายนี้ เป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 1.2% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ทั้งนี้ เราได้เพิ่มพันธมิตรในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในหลายตลาดจนในขณะนี้สามารถรองรับได้ 16 ภาษา วิธีนี้ช่วยให้เราประเมินคอนเทนต์ได้แม่นยำขึ้นและลบข้อมูลเท็จออกไป นอกจากนี้ เรายังได้ปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับเชิงรุกและลบการปลอมแปลงการมีส่วนร่วมและสแปมออกไป โดย 70.5% ของวิดีโอที่ถูกลบออกไปถูกลบก่อนที่จะมีการรายงานถึงเราและ 91.3% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์ และเรากำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเราเพื่อปรับปรุงการตรวจจับเชิงรุกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจจับข้อมูลเท็จ

ความปลอดภัยของผู้เยาว์
เรามีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะรักษาความปลอดภัยของผู้เยาว์ และได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2563 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับนโยบายนี้ รวมถึงการเพิ่มนโยบายกิจกรรมที่เป็นอันตราย ซึ่งเราลบคอนเทนต์เช่นเกมส์ความท้าทาย, การท้าทาย และการแสดงโลดโผนซึ่งอาจมีความเสี่ยงสำหรับผู้เยาว์มากกว่าสำหรับผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้ 36% ของคอนเทนต์ที่เราลบออกไปมีการละเมิดนโยบายนี้ เพิ่มขึ้นจาก 22.3% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 โดย 97.1% ของวิดีโอเหล่านั้นถูกลบออกไปก่อนที่จะมีการรายงานถึงเรา และ 95.8% ถูกลบออกไปภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์

TikTok ใช้เทคโนโลยี PhotoDNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจจับและลบคอนเทนตเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้เยาว์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสื่อที่ปรากฏการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก (CSAM) และเรายังคงลงทุนในการพัฒนาระบบของเราเองเพื่อตรวจจับ CSAM ความพยายามเหล่านี้ได้พัฒนาความสามารถของเราในการลบและรายงานคอนเทนต์และบัญชีใช้งานต่อศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ (National Center for Missing & Exploited Children หรือ NCMEC) และหน่วยงานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเราได้รายงานไปยัง NCMEC 22,692 ครั้งในปี 2563 เทียบกับ 596 ครั้ง ในปี 2562

การฆ่าตัวตาย, การทำร้ายตัวเอง และพฤติกรรมอันตราย
เราใส่ใจในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนในชุมชนของเรา โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เราได้ปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง, การฆ่าตัวตาย และพฤติกรรมการกินผิดปกติเพื่อให้สอดคล้องกับข้อแนะนำและภาษาที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตใช้ นอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับองค์กรหลายแห่งเพื่อช่วยเหลือผู้ที่อาจกำลังประสบปัญหาโดยส่งต่อการค้นหาและแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องไปยังสายด่วนของสมาคมพฤติกรรมการกินผิดปกติแห่งชาติ (National Eating Disorder Association) ของประเทศสหรัฐอเมริกา, บริการปรึกษาปัญหาฉุกเฉินทุกชนิดผ่านทางข้อความ SMS (Crisis Textline) หรือ องค์กรการป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ (National Suicide Prevention Lifeline) ทั้งนี้ 6.2% ของวิดีโอที่ถูกลบออกไปมีการละเมิดนโยบายเหล่านี้ ซึ่งลดลงจาก 13.4% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 อันเป็นผลจากการที่ขณะนี้เราลบคอนเทนต์ที่ปรากฏพฤติกรรมอันตรายหรือสุ่มเสี่ยงโดยผู้เยาว์ภายใต้นโยบายพฤติกรรมอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้เยาว์ใหม่ของเรา โดย 94.4% ของวิดีโอเหล่านี้ถูกลบออกไปก่อนที่จะมีการรายงานและ 91.9% ถูกลบออกไปภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์

อุดมการณ์สุดโต่งที่รุนแรง
เรามีจุดยืนที่แน่วแน่ที่จะต่อต้านการใช้ความรุนแรงทั้งในหรือนอก TikTok เมื่อเราทำการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนของเราเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เราได้ปรับเปลี่ยนนโยบายนี้จาก “บุคคลและองค์กรอันตราย” เป็น”อุดมการณ์สุดโต่งที่รุนแรง” เพื่อรับมือกับปัญหานี้อย่างครอบคลุมทุกด้านและระบุสิ่งที่ TikTok ถือว่าเป็นการข่มขู่หรือยุยงให้เกิดความรุนแรง ซึ่งพบว่า 0.3% ของวิดีโอทั้งหมดที่ถูกลบออกไปมีการละเมิดนโยบายนี้ เทียบเท่ากับคอนเทนต์ที่ถูกลบออกไปในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 อันเป็นผลมาจากการลบคอนเทนต์ที่มีลักษณะยั่วยุในระหว่างการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ใน ปี 2563 ออกไป โดย 86.9% ของวิดีโอเหล่านี้ ถูกลบออกไปก่อนที่จะมีการรายงานและ 89.4% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์

คอนเทนต์ที่มีความรุนแรงและแสดงอย่างชัดเจน
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ส่งเสริมการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ยอมรับการเรียกร้องความสนใจด้วยการทำให้สะเทือนใจหรือการใช้ความรุนแรง เราพบว่า 8.1% ของวิดีโอทั้งหมดที่ถูกลบออกไปได้ละเมิดนโยบายข้อนี้ เทียบกับ 8.7% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ในจำนวนนี้วิดีโอ 93.2% ถูกลบออกไปก่อนที่จะมีการรายงานและ 92.7% ถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมงของการโพสต์ ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ด้านสารคดี เราจึงอนุญาตให้มีวิดีโอที่บันทึกภาพการประท้วงที่รุนแรง, การล่าสัตว์ในธรรมชาติ และคอนเทนต์อื่น ๆ ที่คล้ายกันบนแพลตฟอร์มของเรา ดังนั้น เราจึงเปิดตัวหน้าจอสำหรับการเลือกเข้าชมเพื่อให้ผู้ชมสามารถควบคุมการเลือกชมวิดีโอได้มากขึ้น

บัญชีผู้ใช้งาน

ในครึ่งปีหลังของปี 2563 มีบัญชีใช้งาน 6,144,040 บัญชีถูกลบออกไปเนื่องจากละเมิดแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนของเรา นอกจากนี้บัญชีสแปมอีก 9,499,881 บัญชีถูกลบออกไปพร้อมกับวิดีโอสแปม 5,225,800 รายการที่โพสต์โดยบัญชีใช้งานเหล่านั้น และเราป้องกันไม่ให้ผู้ส่งสแปมทำการสร้างบัญชีใช้งาน 173,246,894 บัญชี

โฆษณา

TikTok มีนโยบายที่เข้มงวดในการปกป้องผู้ใช้งานจากคอนเทนต์ปลอม, หลอกลวง หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงโฆษณา บัญชีใช้งานของผู้โฆษณาและเนื้อหาโฆษณาอยู่ภายใต้นโยบายเหล่านี้และต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชน,หลักเกณฑ์การโฆษณา และข้อกำหนดในการให้บริการของเรา ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เราได้ลบโฆษณา 3,501,477 รายการออกไปเนื่องจากละเมิดนโยบายและหลักเกณฑ์การโฆษณา เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับผู้ใช้งานของเรา เราจึงตรวจสอบและปรับปรุงระบบของเราอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมือกับโฆษณาที่ละเมิดนโยบายของ

ภาพรวม

เรามีการพัฒนานโยบาย, ผลิตภัณฑ์ และความร่วมมือต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับชุมชนของเรา สิ่งต่อไปนี้คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางส่วนของเราที่ได้เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563

การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

เราได้พัฒนาแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนของเราเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน โดยอิงจากพฤติกรรมที่เราเห็นบนแพลตฟอร์มและข้อเสนอแนะที่เราได้รับจากชุมชนและผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆของเรา เช่น นโยบายที่ปรับปรุงใหม่ของเราเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง, การฆ่าตัวตาย และพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ สะท้อนถึงข้อเสนอแนะและภาษาที่ได้รับการปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต อีกทั้งนโยบายการโฆษณาบนแพลตฟอร์มของเราขณะนี้ห้ามโฆษณาสำหรับแอปที่ใช้เพื่อการอดอาหารและอาหารเสริมลดน้ำหนัก และเราได้พัฒนาวิธีแจ้งผู้ใช้งานให้ทราบถึงสาเหตุที่วิดีโอของพวกเขาถูกลบออกไป

TikTok ได้ร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อาจกำลังต่อสู้กับพฤติกรรมการกินผิดปกติ, การทำร้ายตัวเอง หรือการคิดฆ่าตัวตาย ขณะนี้การค้นหาและแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังสายด่วนของสมาคมพฤติกรรมการกินผิดปกติแห่งชาติ (National Eating Disorder Association) ของประเทศสหรัฐอเมริกา, บริการปรึกษาปัญหาฉุกเฉินทุกชนิดผ่านทางข้อความ SMS (Crisis Textline) หรือ องค์กรการป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ (National Suicide Prevention Lifeline) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือนี้ได้โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้เรายังมีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผล

การสนับสนุนด้านครอบครัวให้กับชุมชน TikTok

เรามีการพูดคุยกับผู้ปกครอง, วัยรุ่น และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเยาวชนเป็นประจำเพื่อพัฒนาวิธีที่จะส่งเสริมให้ทุกครอบครัวสามารถสร้างประสบการณ์ TikTok ที่เหมาะสม โดยในช่วงปลายปี 2563 เราได้ขยายฟีเจอร์การแนะนำโดยผู้ปกครองให้ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าการป้องกันคอนเทนต์และความเป็นส่วนตัวของลูกวัยรุ่นได้มากขึ้น เราหวังว่าวิธีการ จำกัดการค้นหา, คอมเมนต์ และเวลาอยู่หน้าจอจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมให้ครอบครัวมีการสนทนาที่เปิดกว้างขึ้นเกี่ยวกับการอยู่ในโลกดิจิตอลอย่างปลอดภัย

รายงานอื่น ๆ

• รายงานการแจ้งลบเนื้อหาจากภาครัฐ
• การแจ้งลบเนื้อหาที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
• รายงานการร้องขอข้อมูล